ฟ้าดินเปิด ก่อกำเนิดผืนพิภพ สรรพสิ่งทั้งหลายถือกำเนิด ระหว่างการก่อตัวของฟ้าดิน ก็บังเกิดเผ่าพันธ์แรกของสิ่งมีชีวิต เผ่าพันธุ์นั้นก็คือ เผ่าศักดิ์สิทธิ์ ที่สูงส่ง เผ่าศักดิ์สิทธิ์ เป็นเผ่าที่มีร่างกายเลิศล้ำ พรสวรรค์สูงเด่น และแข็งแกร่งทรงพลัง กาลเวลาหมุนเวียนเปลี่ยนไป ได้แตกเหล่าเผ่าพันธุ์ก่อกำเนิด เป็น เผ่าพันธุ์มนุษย์ เผ่าพันธุ์อสูร แต่อย่างไรก็ตาม ทั้งเผ่าพันธุ์มนุษย์ และเผ่าพันธ์อสูร ล้วนอยู่ใต้การปกครองของ เผ่าศักดิ์สิทธิ์
สงครามใหญ่เมื่อครั้งอดีตกาล หลายเผ่าหลุดพ้นจากการปกครองของเผ่าศักดิ์สิทธิ์ ไม่ว่าเผ่ามนุษย์ เผ่าอสูร ต่างรวบรวมกองกำลังของตนเอง เพื่อปกครองตนเอง ค้นหาดินแดนต่างออกไปเพื่อทรัพยากรในการดำรงเผ่าพันธุ์ของตน นำมาซึ่งการรบราฆ่าฟันกันไม่หยุดหย่อน เผ่าศักดิ์สิทธิ์ อ่อนกำลังลง ไม่สามารถเข้ามาควบคุม โลกยุ่งเหยิง ต่อเนื่องสืบมานับหมื่นๆปี
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
ชายแดนทางด้านทิศเหนือของอาณาจักร เทียนเหอ เทียนแปลว่าท้องฟ้า หรือสวรรค์ เหอแปลว่า แม่น้ำ หมายถึงทางช้างเผือกก็ได้ มีลักษณะเป็นทิวเขาสูงชัน หมอกขาวลอยอ้อยอิ่งหลอกล้อโขดผาที่สูงชัน หากยืนมองไกลๆจะเห็นยอดเขาสูงเด่นคณานับ ได้รับการพูดถึงว่า เป็นดินแดนแห่งคูเมืองธรรมชาติ เหตุเพราะไกลออกไปจากเทือกเขา ไร้ซึ่งผู้คนอาศัยอยู่ ไม่อาจบอกได้ว่า จะห่างไกล กว้างใหญ่เพียงใด จึงจะเดินทางไปพบแหล่งที่อยู่อาศัย
เมื่อแสงอาทิตย์ที่ทาบทาผืนนภาเริ่มจางลง ควันไฟลอยอ้อยอิ่งพวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า เสียงผู้คนพูดคุย ร้องเรียก หลายคนเดินทางเข้ายังบ้านเรือน บางคนอ้อยอิ่งพูดคุยกันก่อนจากลาชั่วคราว เสียงเด็กๆร้องตะโกน ทักทาย ไถ่ถาม หัวเราะ สนุกสนาน ตามประสา
แม้ดินแดนแห่งนี้ จะอยู่สุดปลายของอาณาจักร เทียนเหอ แต่อย่าได้ดูแคลน ดินแดนนี้เป็นอันขาด เพราะดินแดนแห่งนี้คลาคล่ำด้วยผู้คน ทั้งผู้ที่อยู่อาศัยลงรากปักฐานที่นี่ ผู้เดินทางเข้ามาแวะพักก็มีไม่ขาด ด้วยในเทือกเขานั้นล้วนแล้วแต่มีวัตถุดิบสำคัญในการดำรงชีวิตอย่างมากมาย ทำให้ผู้คนต่างเมือง หมุนเวียนผลัดเปลี่ยนกันมาแสวงโชคอยู่เนือง ห่างออกไปจากดินแดนนี้ มีเมืองต่างๆหลายเมืองตั้งอยู่ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นเมืองขนาดใหญ่ แล้วถัดไปไกลพู้นทางตอนใต้ จึงจะเป็นเมืองสำคัญของอาณาจักรที่มีชื่อเมืองเทียนเหอ ว่ากันว่า ยิ่งใหญ่ดั่งทางช้างเผือก มีแม่น้ำหลากสายหล่อเลี้ยง นำพาผู้คนหลั่งไหลเข้ามาอยู่อาศัย
พยับหมอก คือชื่อของดินแดนแห่งนี้ เพราะตลอดทั้งปี จะมีหมอกปกคลุมมิได้ขาด อากาศหนาวเย็นในฤดูหนาว ส่วนฤดูกาลอื่นๆเย็นสบาย ส่งผลให้พืชพันธุ์ธัญญาหารอุดมสมบูรณ์ จึงทำให้เมืองพยับหมอก ไม่เคยขาดผู้คนแวะเวียนมาขุดหาพืชพันธุ์ เพื่อนำไปแลกเปลี่ยนกับสินค้าจำเป็นอื่นในเมืองต่างๆที่อยู่ห่างออกไป